“ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่าง แม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง”
1 โครินธ์ 13:4-7
ผมอ่าน The Notebook เป็นครั้งแรกจากสำนวนแปลของคุณจิระนันท์ พิตรปรีชา
และนิยายเรื่องนี้ก็ทำให้ผมไปขวนขวายเอานิยายของ Nicholas Sparks มาอ่านอีกหลายเรื่อง
ช่วงนั้นเป็นตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย
เรียกได้ว่าน้ำตาลในเส้นเลือดล้นปรี่กันไปทีเดียว
หลังจากนั้นผมก็ต้องหยุดอ่านนิยายของ Sparks ไปร่วมปี เพราะความเลี่ยนเกินพิกัดที่ผมเองจะรับได้
แต่ผมยอมรับเลยว่า เขาคือคนที่กลั่นกรองเรื่องรักๆแบบอมเศร้าเหล่านี้มาแปลสภาพเป็นตัวหนังสือได้อย่างไร้ที่ติ
เรื่องราวของความรักที่มันไม่ได้หวานชื่นเหมือนที่เด็กสาวอายุ 17 ฝันไป
เรื่องราวของ Sparks มันมีความจริงปนอยู่มาก
สีชมพูเขาเป็นชมพูหม่นๆหน่อย
เพราะมันเป็นชมพูที่ผ่านการใช้ชีวิต ไม่ใช่ชมพูที่อยู่ในความฝัน
The Notebook ก็มาในทิศทางแบบนี้
เรื่องราวของความห่างชั้นวรรณะของหนุ่มสาว
อุปสรรคขวางกั้นหลายหลาก
การทดสอบของโชคชะตาที่จะบอกได้ว่าทั้งสองควรคู่กันหรือไม่
เรื่องราวผูกปมอย่างงดงาม หวานซึ้ง และเรียกน้ำตาได้ทุกครั้งที่ผมหยิบขึ้นมาอ่าน
สำหรับผมผมยกให้เล่มนี้ คือที่สุดของ Sparks
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น