วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

Jurassic Park : Life Always find the way...

ผมจำได้ชัดในวันที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้
จำโรงที่ชมได้ดี และจำได้ชัดถึงความตื่นตาทุกๆอย่าง
ถ้าจะเรียกว่าหลงใหล ผมว่าผมหลงใหลใน Franchise ของ Jurassic Park มากๆ

ผมดูหนังเรื่องนี้ (เฉพาะภาค 1) ไปมากกว่า 200 ร้อยรอบ
ทั้งผ่านทางโรงภาพยนตร์ VDP LD DVD และ TV

ด้วยความชอบอย่างหัวปักหัวปำ ทำให้ผมต้องไปหาฉบับนิยายมาอ่านจนได้...

จำได้ว่าในตอนแรกๆนั้น ผมไม่สามารถหาฉบับภาษาไทยได้
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำให้ต้องไปหาฉบับภาษาอังกฤษมาอ่าน

เด็ก ป.5 กับ นิยายวิทยาศาสตร์ภาษาอังกฤษกว่า 300 หน้า
ช่างเป็นส่วนผสมที่ไม่ลงตัวเหลือเกิน...
ภารกิจนั้นเลยไม่ได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี

ล่วงเลยไปอีกช่วงยาวๆ
ผมไปได้ฉบับภาษาไทยมาจากรุ่นพี่ที่สนิทคนหนึ่ง
จำได้ว่าพอเปิดอ่านแล้ว มันหยุดไม่ได้เลยทีเดียว
ผมโซโล่ยาว 24 ชั่วโมงรวดจนจบ

มิติที่ได้รับจากการเสพย์นิยายนั้น
มันเมามายกว่าชมภาพยนตร์ยิ่งนัก

รายละเอียดปลีกย่อยของฉบับนิยายนั้นแตกต่างกับภาพยนตร์ค่อนข้างมาก
แต่อย่างว่า File from Novel มักจะต้องตัดถอนเพื่อให้ได้อรรถรสรวมในเวลา 2 ชั่วโมง
ซึ่งต้องตัดทอนอะไรๆไปเยอะอย่างแน่นอน

เพราะ Jurassic Park ทำให้ผมได้รู้จัก Michael Crichton และจากจุดนั้น
ทำให้ผมได้ติดตามอ่านผลงานเรื่องอื่นๆของเขา อย่าง Timeline, Congo, Sphere, etc.
และยกเขาเป็นนักเขียนอันดับหนึ่งในดวงใจ

Jurassic Park เป็นผลงานนวนิยายที่มีกลิ่นอายของการผจญภัย ผสมปนเปไปกับ
ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ แต่ไม่หนักหัวเกินไป
บวกกับความเป็น American Hero นิดๆ ที่มีอยู่ในนวนิยายของ Crichton เกือบทุกเรื่อง
นั่นก็คือ การรวมตัวของกลุ่มผู้มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ
มาแก้ไขปัญหาบางอย่างร่วมกัน ซึ่งแต่ละเรื่องมีจุดจบที่แตกต่างกันไป
ตามเนื้อหาของมัน

สิ่งที่ช่วยให้ Crichton เขียนนิยายวิทยาศาตร์ได้ดี เนื่องจากเขามีความรู้ทางด้านนี้เป็นอย่างดี
จากการเป็นนักศึกษาเตรียมแพทย์ก่อนจะหันมาจับปากกาเป็นนักเขียน

ฉบับภาษาไทยตอนนี้คงต้องรอในงานหนังสือซึ่งจัดแปลโดยคุณสุวิทย์ ขาวปลอด
นักแปลที่ผมนิยมท่านหนึ่ง โดยสำนักพิมพ์วรรณวิภาครับ
 

หาหนังสือเก่า พูดคุยเรื่องหนังสือใน Facebook ได้ที่ : bangkokians.bookstore
ทำความรู้จักกับ Jurassic Park มากขึ้นที่นี่ : Jurassic Park on Goodreads

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

Saint Seiya : ด้วยความคิดถึง

ในช่วงประถมศึกษานั้น เป็นช่วงที่ผมได้รู้จักกับ Seiya และการ์ตูนเรื่องนี้ ก็เป็นหนังสือการ์ตูนเล่มแรกที่ผมซื้อ
ซึ่งในปัจจุบันนี้ผมยังจำรายละเอียดของการซื้อในครั้งนั้นได้ค่อนข้างเป็นอย่างดี

เชื่อว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกับผมในเมืองไทย ต้องเคยได้ยินชื่อ Seiya มากันเป็นที่แน่นอน
จะสนิทกับ Seiya มากน้อยแค่ไหนนั้นคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ต้องเคยได้ยินมาแน่นอน

เรื่องราวของ Seiya นั้น จะเรียกไปว่าเป็นการ์ตูนแบบสูตรสำเร็จก็ว่าได้
ตัวเอกต่อสู้กับศัตรู... กลายมาเป็นเพื่อนกัน... และไปต่อสู้ต่อกับศัตรูที่เก่งขึ้นไปเรื่อยๆ

เนื้อหาหลักๆของการ์ตูนเรื่องนี้ดำเนินไปในแนวแบบนั้น

แต่ที่มันเจ๋งก็คือ ชุดเกราะของตัวละครแต่ละตัวที่ต้องเรียกว่าเป็นงานศิลป์!!!

แต่ละชุดถูกสร้างขึ้นมาอิงตามกลุ่มดาวต่างๆในเทพนิยายกรีก
ซึ่งกลายมาเป็นจุดขายของการ์ตูนเรื่องนี้

ที่สำคัญของเล่นที่ถูกสร้างขึ้นมาก็มีมากมายจนนักสะสมต้องตามเก็บกันไม่หวาดไม่ไหว!!!

นึกย้อนไป...

เรื่องนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นแรกๆของการรักหนังสือของผม

วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

Beck : ปุ ปะ จังหวะ ฮา

ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าปกของ Beck นั้น ผมมองข้ามไป และไม่ได้มีความคิดอยากจะซื้อมาอ่านแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะลายเส้นที่ดูไม่ถูกโฉลกกับผมมากนัก

ผ่านไปอยู่นานสักช่วงหนึ่งจน Beck ออกมาถึงรวมเล่มเล่มที่ 4 ถ้าผมจำไม่ผิด ผมมีโอกาสได้คุยกับเพื่อนที่เล่นดนตรีด้วยกันว่า Beck นี่ล่ะ สุดยอดความมันส์ของการ์ตูนดนตรี ผนวกกับช่วงนั้นที่ผมไม่ได้มีอะไรอ่านเป็นพิเศษ ทำให้ผมต้องไปซื้อหา Beck มาอ่านจนได้

จำได้ว่าหายากอยู่ในระดับหนึ่ง เพราะซื้อหาเล่ม 1 ไม่ได้ จนต้องเที่ยวตระเวนวุ่นอยู่พักหนึ่ง
พอหาได้ และ กลับมาอ่าน

...ความคิดที่ผมมีต่อ Beck ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
...ผมว่าหนังสือเรื่องนี้มันร้องเพลงได้!!!

ผมเป็นคนที่อ่านหนังสือเยอะในระดับหนึ่ง แต่นี่เป็นเล่มแรกของหนังสือการ์ตูนดนตรี ที่ผมแทบจะได้ยินเสียงเพลงะไหลมาพร้อมกับตัวหนังสือ!

เรื่องราวของ Beck ไม่ไดเป็นตามสูตรสำเร็จทั่วไปนัก
ปูพื้นจากตัวละครตัวเอกที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไรมากนัก ออกจะเป็นเด็กขี้แพ้ธรรมดาๆในโรงเรียนซะด้วย
แต่จับพลัดจับผลูทำให้หนุ่มน้อยวัย 14 ที่ชื่อว่า "โคะยูกิ" ได้เริ่มมาเล่นกีต้าร์
จากนั้นโลกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

Harold Sakuichi ผู้เขียน ได้เล่าเรื่องอย่างน่าสนใจ และตีแผ่มุมมองหลากหลายมุมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในอุตสาหกรรมดนตรี

จากวางอินดี้เล็กๆ กลายเป็นวง Rock ชื่อก้องโลก

หนทางของพวกเขาไม่ง่ายดายนัก

แต่ผมเชื่อว่า ทันทีที่คุณได้เริ่มงานเรื่องราวเหล่านี้

คุณอาจจะนึกถึงฝันที่เคยคิดเอาไว้เมื่อตอนยังเป็นเด็กก็ได้...