วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

Pendragon : The Reality Bug ในโลกเสมือนที่สมบูรณ์แบบ

ร้างราจากการอัพเรื่องราวเพื่อเป็นบทบันทึกของตัวเองเสียนาน

ร่วมเดือนได้ เพราะงานอะไรหลายๆอย่างทั้งต้นฉบับ ลูกค้าใหม่ และงานแปล
อย่างไรก็ตาม ก็กลับมาแล้วในวันนี้

การเดินทางของ บ๊อบบี้ เริ่มเดินทางมายาวไกลเกือบถึงครึ่งทางเสียที
หลังจากการเอาตัวรอดในยุคที่นิวยอร์คมีมาเฟียครองเมืองในโลกที่ 1

บ๊อบบี้กระโดดข้ามยุคมาสู่โลกใบใหม่ที่ทันสมัยอย่างที่โลกที่ 1 เทียบไม่ได้โดยเด็ดขาด
โลกใบใหม่ ดินแดนแห่งนี้ชื่อว่า วีล๊อกซ์ จะว่าไปก็ทันสมัยซะจนบ๊อบบี้แทบจะปรับตัวเข้าไม่ได้เลย

เพราะคนที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้นั้น
ล้วนแต่เสพย์ติดกับการเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนที่พวกตนสร้างขึ้น
จนละทิ้งการใช้ชีวิตอยู่ในโลกจริงๆเสียนี่!

และเหตุการณ์เหล่านี้ก็คือ จุดเปลี่ยนที่ วีล๊อกซ์ กำลังเผชิญอยู่
เมื่อคนทุกคนละทิ้งการงานจริงๆมุ่งแต่จะเข้าไปอยู่ในโลกที่คล้ายดั่งฝัน

บ๊อบบี้ได้เข้าไปพบนักเดินทางแห่งโลกนี้ด้วยความสับสน พร้อมทั้งต้องพยายามหาว่าจุดเปลี่ยนที่แท้จริงของดินแดนนี้เป็นอย่างไร

ผ่านการผจญภัยเข้าไปในโลกเสมือนเหล่านั้นด้วยตัวเอง
จนเกือบเอาตัวไม่รอด
แถมยังต้องไปพบกับความทรงจำของตัวเองที่เกือบจะลืมไปแล้ว

คงต้องเอาใจช่วยบ๊อบบี้ต่อว่าเขาจะผ่านพ้นเหตุการณ์เหล่านี้ไปได้ยังไง!!!

จนทำให้เมืองของพวกตนรกร้าง และเต็มไปด้วยความว่างเปล่า

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

Pendragon : The Never War - สงครามนิรันดร์

จากการเดินทางในเล่มที่ 2 ของ Pendragon เขาได้ค้นพบถึงความลับยิ่งใหญ่ในโลกแห่งน้ำอย่างคลอรัล และกอบกู้เหตุการณ์ร้ายของ เซนต์เดน ที่ต้องการจะเปลี่ยนดินแดน จากหมู่เกาะแสนสงบ ไปเป็นดินแดนที่แตกแยก

ในเล่ม 3 นี้ บ๊อบบี้ มีโอกาสที่ได้เดินทางกลับมายังโลกอีกครั้งหนึ่ง เสียเพียงอย่างเดียวว่า โลกที่บ๊อบบี้ ได้เดินทางกลับมานั้น มันคนละยุคกับที่บ๊อบบี้จากไปน่ะซิ เพราะเขาต้องกลับไปที่โลกที่ 1 ซึ่งเป็นยุคช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

อดีตไกลจากยุคปัจจุบันที่บ๊อบบี้อยู่

ครั้งนี้บ๊อบบี้ต้องผ่านเหตุการณ์สำคัญ และการติดสินใจที่ว่า จะช่วยคน แล้วต้องเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือว่าจะไม่เปลี่ยนประวัติศาสตร์แต่ต้องทนเห็นคนนับร้อยตายจากไป

นับเป็นทางเลือกที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งของบ๊อบบี้

ในเล่มนี้บ๊อบบี้ยังจะได้เจอเพื่อนเก่าของลุงเพรส ผู้ซึ่งเป็นผู้ติดตามแห่งโลกที่ 1 แถมยังต้องเสียแหวนนักเดินทางไปอีกด้วย

ต้องมาติดตามกันแล้วว่าบ๊อบบี้จะเอาตัวรอดไปได้ยังไง :D

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

Pendragon : The Lost City of Faar จากดินแดนยุคกลางดำดิ่งสู่ห้วงมหาสมุทรลึกลับ

หลายวันก่อนได้เขียนถึงความปลาบปลื้ม และความตื้นตันเมื่อได้หยิบเล่มจบของซีรีย์นี้มากจากแผงหนังสือในงานหนังสือ

ผ่านมาจนวันก่อนผมมีโอกาสได้อ่านเล่ม 10 ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายจนจบครบถ้วนกระบวนความ
ใน blog ก่อนนั้น ผมได้เขียนไว้ว่าจะเล่าเรื่องของซีรีย์นี้ให้สมบูรณ์ แต่ก็ยังไม่ได้เขียน และยังเอาความประทับใจ (ที่ไม่ดี) เกี่ยวกับนเรศวรภาค 3 มาเล่าสู่กันฟังตัดหน้าไปซะอีก

อย่างไรก็ดี วันนี้จะขอมาเขียนเป็นบันทึกเตือนความจำของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องราวในซีรีย์ Pendragon ในเล่มที่ 2 ที่มีชื่อตอนว่า The Lost City of Far เพื่ดำเนินการเดินทางของ Bobby Pendragon ให้ก้าวหน้าไปอีกนิดหนึ่ง

ในเล่มนี้ Bobby Pendragon ได้เดินทางไปในดินแดนแห่งใหม่ ซึ่งเป็นโลกที่แตกต่างไปจากเดนเดอรอน ดินแดนที่มีกลิ่นอายของยุโรปยุคกลางอย่างสิ้นเชิง โดยจุดหมายครั้งนี้ของ Pendragon ก็คือโลกที่ชื่อว่า คลอรัล ดินแดนที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยทะเล อารมณ์เดียวกับ Water World ก็ไม่ปาน

การเดินทางครั้งใหม่นี้ Bobby ได้พบกับเพื่อนใหม่ หลังจากสูญเสียบุคคลสำคัญไปในภาคที่แล้ว ภารกิจของ Bobby ยังเป็นการหาทางยับยั้งแผนชั่วของเซนต์เดน ตัวร้ายของเรื่อง

Bobby ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อเขาต้องเริ่มตัดสินใจอะไรอะไรด้วยตัวเอง แถมยังต้องเป็นผู้นำให้กับนักเดินทางคนใหม่แห่งคลอรัล

การเดินทางครั้งใหม่นี้พา Bobby ให้เดินทางผ่านเกาะกลางน้ำที่ลอยล่องแห่งคลอรัล และดำดิ่งไปสู่ศูนย์กลางแห่งมหาสมุทรแห่งฟาร์...

หลังจากอ่านผ่านไปแล้ว ผมเองก็รู้สึกว่า Bobby นั้นโตขึ้น รวมถึง D.J. Machale ผู้เขียนเองก็เช่นกันที่เติบโตไปสู่การเป็นนักเขียนที่มีฝีไม้ลายมือมากขึ้น

วันพรุ่งนี้มาติดตามการเดินทางของ Bobby กันต่อดีกว่า...